วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สรุปการรายงานและการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน

สรุปการรายงานกลุ่มและการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ในวิชาที่สอน

การจัดเรียนการสอนในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก เช่นในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนบ้านเวียงหวาย อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดชียงราย ต้องมีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆ เช่น เรื่องชนิดของคำ คำสุภาษิตคำพังเพย ปริศนาคำทาย ประวัติของบุคคลสำคัญต่างๆ เป็นต้น แหล่งข้อมูลมีทั้งในหนังสือจากห้องสมุดโรงเรียน ,การสอบถามผู้รู้ และการค้นหาข้อมูล Internet ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลทาง google
Google หมายถึง เว็บไซต์ Google (www.Google.co.th เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเทอร์เน็ต โดยค้นหาข้อมูลจากข้อความ หรือตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป แล้วทำการค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงผล เว็บไซต์ Google ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต้องการค้นหาข้อมูลGoogle เป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของโลก ในอดีตเป็นบริษัทที่ดำเนินการด้านฐานข้มูลเพื่อให้บริการแก่เว็บไซต์ค้นหาอื่น ๆ ปัจจุบันได้เปิดเว็บไซต์ค้นหาเอง ด้วยฐานข้อมูลมากกว่าสามพันล้านเว็บไซต์และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ คือ เป็นเว็บไซต์ค้นหาที่สนับสนุนภาษาต่างๆ มากกว่า 80 ภาษาทั่วโลก (รวมทั้งภาษาไทย) และมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้บริการในส่วนต่างๆ ของโลกมากถึง 36 ประเทศ (รวมทั้งในประเทศไทย อีกแล้ว)"Google" เป็นคำที่จงใจเพี้ยนมาจากคำว่า "Googol" ที่บัญญัติขึ้นโดย Milton Sirotta ในปี ค.ศ. 1938 ซึ่งหมายถึง จำนวนเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว และ สองหนุ่มผู้ก่อตั้ง Search Engine นี้ได้ยืมและแผลงคำนี้มาใช้เพื่อเป็นการสะท้อนวิสัยทัศน์ของบริการที่รวบรวมจัดระเบียบข้อมูลจำนวนมหาศาลขนาด Google ไว้ที่ Google นี่เอง...
นอกจาก Google แล้วยังมีอีกหลายช่องทางในการค้นคว้าหาข้อมูล เช่น yahoo ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นักเรียนจะใช้ค้นคว้าหาข้อมูลที่ครูมอบหมายให้นักเรียนไปค้นคว้าเพื่อมาทำรายงานประกอบการเรียนการสอน
Yahoo หมายถึง การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เป็นวิธีการที่รวดเร็ว และประหยัด แต่มีข้อเสียอยู่นิดหนึ่ง คือเสียค่าใช้จ่ายมาก ยิ่งถ้าคุณได้รู้วิธีการใช้บริการค้นหาข้อมูลอย่างถูYahoo ถือว่าเป็นบริการค้นหาข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจาก Yahoo แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ลักษณะ คือ เป็นทั้ง Directories และ Search engine โดยที่การค้นหาข้อมูลแบบ Directories นั้น มีวิธีการค้นหาที่แตกต่างจากแบบ Search engine ตรงที่ ข้อมูลจะถูกจัดเก็บ ในลักษณะ ที่เป็นหมวดหมู่ หรือแยกตามประเภท ที่กระทำโดยคน ไม่ใช่โดย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งวิธีการค้นหาข้อมูลแบบนี้ จะทำได้โดยการเข้าไปดูทีละ categories และเข้าไป ใน sub-categories ซึ่งเริ่มจากหัวข้อที่เป็นเรื่องทั่วไปหรือกว้าง ๆ ก่อน แล้วจึงเข้าสู่หัวข้อ ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ถึงหัวข้อที่เราต้องการ ข้อดีของการจัดโครงสร้างแบบนี้ คือ จะทำให้คุณ มีโอกาสเลือก ในสิ่งที่ต้องการได้ในขณะที่เข้าไปในหัวข้อย่อยนั้น ๆ แต่สำหรับการค้นหาข้อมูลแบบ Search engine นั้นเป็นการค้นหาข้อมูลจาก Keyword ที่คุณพิมพ์ลงไป โดยที่คุณจะไม่มีโอกาสรู้เลยว่า มีข้อมูลอะไรบรรจุไว้ในนั้นบ้าง จนกว่าคุณจะพิมพ์คำ ที่ต้องการค้นหาลงไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ในครั้งแรก อาจจะต้องลองเปลี่ยนคำที่เป็น Keyword หลายครั้ง หรืออาจจะต้อง กลั่นกรองคำที่ค้นหาเพื่อให้ผลลัพธ์แคบลง และอาจจะต้องพยายามใหม่อีกหลายครั้ง ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ผลลัพธ์ที่แสดงขึ้นมาจากการค้นหาข้อมูลแบบ Search engine จึงเป็นผลลัพธ์ที่ มีจาก Keywords ที่คุณพิมพ์ลงไปนั่นเอง
ในการใช้คอมพิวเตอร์ และยิ่งต้องใช้ Internet ช่วยในการค้นหาข้อมูลแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่นักเรียนจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับไวรัส การสแกนไวรัส อาการที่เครื่องคอมพิวเตอร์ติดไวรัสป็นอย่างไร การกำจัดไวรัส การป้องกันไวรัส
ไวรัส คือโปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไประบาดในระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาดิสก์ที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้อีกเครื่องหนึ่ง หรืออาจผ่านระบบเครือข่ายหรือระบบสื่อสารข้อมูลไวรัสก็อาจแพร่ระบาดได้เช่นกัน
การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายถึงว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำ คอมพิวเตอร์ เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไวรัสก็เป็นแค่โปรแกรม ๆ หนึ่งการที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกให้ทำงานได้นั้นยังขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัส แต่ละตัวปกติผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวว่าได้ทำการปลุกคอมพิวเตอร์ไวรัสขึ้นมาทำงานแล้ว
จุดประสงค์ของการทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับตัวผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ แสดงข้อความวิ่งไปมาบน หน้าจอ เป็นต้น
อาการติดไวรัสของเครื่องคอมพิวเตอร์
สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
§ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
§ ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
§ วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
§ ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อย ๆ
§ เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
§ เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
§ แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
§ ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
§ ไฟล์แสดงสถานะการทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
§ ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
§ เครื่องทำงานช้าลง
§ เครื่องบูตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
§ ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
§ เซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่
§ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย
การตรวจหาไวรัส
การสแกน
โปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกน (Scanning) เรียกว่า สแกนเนอร์ (Scanner) โดยจะมีการดึงเอาโปรแกรมบางส่วนของตัวไวรัสมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ส่วนที่ดึงมานั้นเราเรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (VirusSignature)และเมื่อสแกนเนอร์ถูกเรียกขึ้นมาทำงานก็จะเข้าตรวจหาไวรัสในหน่วยความจำ บูตเซกเตอร์และไฟล์โดยใช้ ไวรัสซิกเนเจอร์ที่มีอยู่
ข้อดีของวิธีการนี้ก็คือ เราสามารถตรวจสอบซอฟแวร์ที่มาใหม่ได้ทันทีเลยว่าติดไวรัสหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานตั้งแต่เริ่มแรก แต่วิธีนี้มีจุดอ่อนอยู่หลายข้อ คือ
1. ฐานข้อมูลที่เก็บไวรัสซิกเนเจอร์จะต้องทันสมัยอยู่เสมอ แลครอบคลุมไวรัสทุกตัว มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
2.เพราะสแกนเนอร์จะไม่สามารถตรวจจับไวรัสที่ยังไม่มี ซิกเนเจอร์ของไวรัสนั้นเก็บอยู่ในฐานข้อมูลได้
3.ยากที่จะตรวจจับไวรัสประเภทโพลีมอร์ฟิก เนื่องจากไวรัสประเภทนี้เปลี่ยนแปลง ตัวเองได้
4.จึงทำให้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้สามารถนำมาตรวจสอบได้ก่อนที่ไวรัส จะเปลี่ยนตัวเองเท่านั้น
5 . ถ้ามีไวรัสประเภทสทีลต์ไวรัสติดอยู่ในเครื่องตัวสแกนเนอร์อาจจะไม่สามารถ ตรวจหาไวรัสนี้ได้
6. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและเทคนิคที่ใช้ของตัวไวรัสและ ของตัวสแกนเนอร์เองว่าใครเก่งกว่า
7. เนื่องจากไวรัสมีตัวใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ ๆ ผู้ใช้จึงจำเป็นจะต้องหาสแกนเนอร์ ตัวที่ใหม่ที่สุดมาใช้
8. มีไวรัสบางตัวจะเข้าไปติดในโปรแกรมทันทีที่โปรแกรมนั้นถูกอ่าน และถ้าสมมติ
9. ว่าสแกนเนอร์ที่ใช้ไม่สามารถตรวจจับได้ และถ้าเครื่องมีไวรัสนี้ติดอยู่ เมื่อมีการ
10. เรียกสแกนเนอร์ขึ้นมาทำงาน สแกนเนอร์จะเข้าไปอ่านโปรแกรมทีละโปรแกรม เพื่อตรวจสอบ
11. ผลก็คือจะทำให้ไวรัสตัวนี้เข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมทุกตัวที่ถูก สแกนเนอร์นั้นอ่านได้
12. สแกนเนอร์รายงานผิดพลาดได้ คือ ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้บังเอิญไปตรงกับที่มี
13. อยู่ในโปรแกรมธรรมดาที่ไม่ได้ติดไวรัส ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ไวรัสซิกเนเจอร์ ที่ใช้มีขนาดสั้นไป
14. ก็จะทำให้โปรแกรมดังกล่าวใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

การป้องกันไวรัส

· สำรองไฟล์ข้อมูลที่สำคัญ
· สำหรับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ อย่าเรียกดอสจากฟลอปปีดิสก์
· ป้องกันการเขียนให้กับฟลอปปีดิสก์
· อย่าเรียกโปรแกรมที่ติดมากับดิสก์อื่น
· เสาะหาโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใหม่และมากกว่าหนึ่งโปรแกรมจากคนละบริษัท
· เรียกใช้โปรแกรมตรวจหาไวรัสเป็นช่วง ๆ
· เรียกใช้โปรแกรมตรวจจับไวรัสแบบเฝ้าดูทุกครั้ง
· เลือกคัดลอกซอฟแวร์เฉพาะที่ถูกตรวจสอบแล้วในบีบีเอส
· สำรองข้อมูลที่สำคัญของฮาร์ดดิสก์ไปเก็บในฟลอปปีดิสก์
· เตรียมฟลอปปีดิสก์ที่ไว้สำหรับให้เรียกดอสขึ้นมาทำงานได้
· เมื่อเครื่องติดไวรัส ให้พยายามหาที่มาของไวรัสนั้น
การกำจัดไวรัส
เมื่อแน่ใจว่าเครื่องติดไวรัสแล้ว ให้ทำการแก้ไขด้วยความใคร่ครวญและระมัดระวังอย่างมาก เพราะบางครั้งตัวคนแก้เองจะเป็นตัวทำลายมากกว่าตัวไวรัสจริง ๆ เสียอีก การฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่อีกครั้งก็ไม่ใช่ วิธีที่ดีที่สุดเสมอไป ยิ่งแย่ไปกว่านั้นถ้าทำไปโดยยังไม่ได้มีการสำรองข้อมูลขึ้นมาก่อน การแก้ไขนั้นถ้าผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับไวรัสที่ กำลังติดอยู่ว่าเป็นประเภทใดก็จะช่วยได้อย่างมาก และข้อเสนอแนะต่อไปนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น